Wednesday, June 23, 1999

ย้อนความ ๒

ปี 2542 กลับมาเรียนต่อวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังจากสอบเสร็จปีแรกเทอมสอง ตอนนั้น ปี พ.ศ. 2543 ได้ออกเดินทางไปอยู่วัด วัดป่ากุง ซึ่งหลวงปู่ศรีมหาวีโร อยู่ที่นั่น ท่านเป็นพระขวัญใจของย่า เพราะย่าจะกล่าวถึง หลวงปู่ศรีประจำ การไปครั้งนั้นอยู่วัดประมาณ 7 วัน (ประมาณเอาจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้) รายละเอียดได้บันทึกไว้ในอีกที่หนึ่ง การปฏิบัติครั้งนั้นไม่ได้อะไรคืบหน้ามากมายนัก อาจจะกล่าวว่าไม่ได้เลยมากกว่า แต่สิ่งที่ได้คือได้เห็นหลวงปู่ศรีอย่างเต็มอิ่ม ทุก ๆ เช้าตอนท่านฉันอาหาร แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แต่ปรากฏว่าตอนกลับเกิดสิ่งอัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นในชีวิต คือได้เห็นและถือพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าต่อหน้าต่อตา จำนวนเยอะมาก และเป็นการเห็นครั้งแรกในชีวิต ได้ถือเต็มสองมือ มีความอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก รวมทั้งได้เห็นพระธาตุของพระอรหันต์องค์อื่น ๆ อีกมากมาย (คนในประเทศไทยนับจำนวนคนได้เลยที่จะได้ทำอย่างข้าพเจ้า) ตอนที่มือกำลังถือพระบรมสารีริกธาตุอยู่มันตื่นเต้นปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้จริง ๆ จนมันคิดออกไปเองว่ามือสองมือนี้มีบุญมากมายมหาศาลนัก ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่เอามือนี้ยกเหล้ากินอีก เหมือนกับสัญญากับพระพุทธเจ้า อนิจจาจิตใจของมนุษย์ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เสียเลย เราไม่กินเหล้าอยู่พักนึง แต่ไม่นานก็กลับกินมันจนได้ ไม่น่าเชื่อคำสัตย์ปฏิญานที่ให้ไว้กับพระพุทธเจ้า ยังกลับคำ ความเลวขนาดนี้ไม่น่าจะเอาดีได้เลยในชาตินี้ควรไปตกนรกรับใช้กรรมให้สมควรแก่สิ่งที่ได้กระทำลงไป แต่ด้วยความที่เหล้ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีด้วยตัวของมันเองจริง ๆ อย่างที่พระพุทธองค์บอก ได้เห็นความเลวของตัวเองเพราะมันหลายครั้งหลายครา จนกระทั่ง เดือนธันวาคม 2546 มีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าจะเลิกกับมันแน่นอน แต่ขอกินจัง ๆ อีกสักครั้งก่อน นั่นคืองานรับปริญญาที่จะไปเจอเพื่อนฝูงสมัยเรียน เห็นกิเลสไหมขนาดตั้งใจว่าจะเลิกแล้วมันยังขอส่งท้ายอีกหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้กินเหล้าอีกเลยจริง ๆ แล้วก็ได้กินไวน์ตอนงานวันแต่งงานโจ้ 14 มีนาคม 2547 ซึ่งกินไม่มากนัก เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ที่กินแอลกอฮอล์ลงสู่ร่างกาย หลังจากไปวัดป่ากุงกลับมาชีวิตก็ดีขึ้นนิดหน่อยไม่มากนัก แต่มีคำพูดของหลวงปู่มั่น สกิดเตือนอยู่ตลอดเวลาว่ารออะไรอยู่ ทำไมไม่ทำเสียทีทำไมไม่ปฏิบัติเสียทีจะให้ตายก่อนอย่างนั้นหรือ เข้าใจและมีความกังวลต่อเนื้อความนี้เป็นอย่างมาก แต่กิเลสมีกำลังมากกว่า ก็เลยไม่ปฏิบัติอยู่ดี เป็นชาวพุทธแบบคนทั่ว ๆ ไปเหมือนเดิม แต่ก็ทำบุญอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่บ่อยนัก
หมายเหตุ: วันที่ ที่ลงไว้ไม่ตรงตามนี้นักเป็นการประมาณการเพราะเป็นการบันทึกย้อนหลัง