Friday, November 24, 2006

ความก้าวหน้าในการภาวนา

ช่วงนี้ที่บริษัทมีคนรอบ ๆ ตัวสนใจธรรมะเยอะขึ้น ถ้าคนไหนพอที่จะแนะนำได้ผมก็แนะนำไปตามกำลัง ส่วนคนไหนที่แนะนำแล้วไปไม่ไหวก็ถอย ไม่มีอะไรมาก เพราะเราต้องเข้าใจว่า ธรรมะ เป็นเรื่องของ "ตัวใครตัวมัน" ไม่เช่นนั้นเราจะทุกข์ เพราะคิดว่าตัวเองมีธรรมะแล้วอยากจะให้คนอื่นเขามีเขาได้เหมือนตัวเอง ผมต้องใช้เวลาเป็นปีเหมือนกันกว่าจะผ่านจุดที่สอนคนอื่นโดยตัวเองไม่ทุกข์

ช่วงนี้ต้องพาพี่อ้วนขึ้นไปที่ วัดป่าภูผาสูง ทุกสัปดาห์ ดู ๆ แล้วไฟกำลังแรงก็เลยช่วยส่งเสริมซะหน่อยเผื่อจะได้ดีในทางพระพุทธศาสนา

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาดูเหมือนว่า จิตใจจะเต็ม ๆ ขึ้นมา มีความสดชื่น กระปี้กระเปร่า สดใส มีกำลังและความคมขึ้นมาพอสมควร เวลาสัญญาอารมณ์ กระทบจิต สติจะรู้สึกตัวได้ค่อนข้างไว และมีความคมพอสมควร เพราะเวลากระทบแล้วสติเกิด มันตัดปั๊บหายไปเลย เกิดปุ๊บตัดปั๊บ เิกิดปุ๊บตัดปั๊บ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ (ไม่ได้เป็นทั้งวัน) แต่เป็นบ่อยกว่าแต่ก่อน พอสมควร

สิ่งที่เห็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความกลัว ไม่ว่าจะเป็นความกลัวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน กลัวทำงานไม่เสร็จตามกำหนด กลัวขึ้นรถไม่ทัน กลัวต่าง ๆ นา ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต รู้สึกว่า พอกลัวขึ้นมา สติจะมาไว พอความกลัวเกิดขึ้น สติก็จะตามมาติด ๆ แล้วก็ตัดกันดับไปเลย แม้กระทั่งตอนที่อยู่ในวัดเกิดกลัวผี ก็เกิดความกลัวเป็นห้วง ๆ แต่ไม่ใหญ่ พอเกิดมาก็ดับไป ช่วงนี้เห็นตรงนี้ได้ชัดพอสมควร นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่จิตใจดูเบา ๆ สบาย ๆ สดชื่น เพราะไอ้ความกลัวต่าง ๆ เหล่านี้แหละเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ของคนส่วนใหญ่

อีกอย่างก็คือเริ่มเห็นความเป็นตัวเราชัดขึ้น โดยที่แต่ก่อนไม่เคยมองเห็นความเป็นตัวเราอย่างนี้เลย ความรู้สึกที่มองเข้ามาแล้วเห็นว่านี่เป็นตัวเรา มันอยู่ข้างในนี้ ดูเข้ามาทีไรก็เห็นมันทุกที เหมือน ๆ กับมันยืนยงคงกระพันยังไงยังงั้น ความเป็นตัวเราเนี่ยแต่ก่อนไม่เคยเห็นเพราะเหมือนมันสิงสถิตอยู่กับเรามานานมั่วซั่วปนกันไปหมด สติไม่คมพอที่จะเห็นไอ้ตัวความรู้สึกว่าเป็นตัวเราตัวนี้ ตอนนี้เห็นแล้วแต่ยังไม่มีปัญญาทำอะไรกับมัน

เท่าที่ทราบมาถ้าเราเห็นความเป็นตัวเรา เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป เห็นแบบนี้ไม่นานจิตก็จะละสักกายะทิฏฐิได้ แต่ผมยังไม่เคยเห็นมันดับเลยซักที เห็นแต่มันอยู่อย่างนี้ของมัน ก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตาภาวนาต่อไป ให้สติปัญญาเฉียบคมยิ่งกว่านี้ คงเห็นมันได้ซักวันแหละน่า

ช่วงนี้ฟังเพลงประวัติหลวงปู่มั่น (ฟังอยู่ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเบื่อ) รู้สึกชอบใจเพลง "เข้าสู่สนามรบ" เป็นอย่างมาก ท่อนที่ชอบที่สุดคือ

มุ่งหวังตั้งใจแน่นอน
ไม่มีวันสั่นคลอน อ่อนแอแปรผัน
ต้องประจักษ์ในมรรคผล พระนิพพาน
อันกิเลสาสะวะมาระราน
ขอตามห้ำหั่นหาญกล้าราวี
ให้หมดใจเยื่อใยไม่มี
ชาติและภพจบกันเสียที
หมู่มารมาราวีขอพลีชีพสู้


ตอนนี้กำลังใจในการภาวนาค่อนข้างเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญมาก