Thursday, November 18, 2004

วันที่ 67 จิตดีขึ้นด้วยเหตุปัจจัย

วันนี้ได้คุยกับพี่ปิ่น ซึ่งได้คุยถึงอาจารย์ปราโมทย์ ทราบข่าวมาว่าตอนนี้มีญาติโยมไปหาท่านเยอะแยะมาก เสาร์อาทิตย์เป็นร้อยแล้วมีหวังอนาคต คงไม่มีโอกาสได้พบเจอท่านอย่าง ง่าย ๆ แน่นอน แต่พอคุยกับพี่ปิ่นแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก ยิ่งได้คุยถึงอาจารย์ปราโมทย์แล้วทำให้จิตหันกลับมามีสติต่อจากเดิมดีขึ้น หลังจากหลงออกนอกทางไปพอสมควร ช่วงที่นังรถกลับบ้านมามีสติเกือบตลอดทางเลยถือว่าดีมาก พี่ปิ่นเป็นคนที่เราต้องขอบคุณมาก ๆ ไว้ ณ ที่นี้อีกคนหนึ่ง

จะเห็นว่ามีเพื่อนทางธรรม ที่ดีนั้นสำคัญมาก

Sunday, November 14, 2004

วันที่ 63 ชีวิตคนเราถูกกำหนดด้วยกรรม

นั่งทำงานไปเหนื่อยก็เหนื่อย เหนื่อยทั้งกาย และใจ แทบไม่มีกำลัง แต่ ก็ต้องนั่งทนทำ เข้าใจจริง ๆ ว่ากรรมมันบังคับเรา กรรมคือสิ่งในอดีตที่เราทำมา มันบังคับให้เราทำ ไม่ทำก็ไม่ได้ ขนาดเกิดมาชาตินี้ได้ศึกษาพุทธศาสนา และเข้าใจเป็นอย่างดี ยังทุกข์ขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าคนที่เขาไม่ได้ศึกษาและไม่เข้าใจเรื่องราวของจิตจะเป็นอย่างไร ยังไงก็ขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายเถิด ไม่ไหวแล้ว เกิดมาชาติหน้าเผื่อไม่ได้ศึกษาและไม่ได้เข้าใจเหมือนในชาตินี้มีหวังอยู่ไปอีกหลายแสนชาติแน่นอน เผลอ ๆ อาจจะไม่ได้เกิดเป็นคนเสียด้วยซ้ำ ถ้าเผื่อไปตกนรกอยู่ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงเสียด้วยซิ

Saturday, November 13, 2004

วันที่ 62 โดนกิเลสเล่นงานอย่างหนัก

โดนกิเลสหลายตัวเล่นงานพร้อมกัน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกรรมที่ทำไว้ทั้งนั้น ผลกรรมไม่ไปไหนจริง ๆ บางครั้งมันเพียงแต่ชะลอผลเท่านั้น จิตใจตอนนี้ออกไปในแนวท้อแท้ อยากหนีไปจากโลกนี้ ซึ่ง ก็ยังเป็นกิเลสอีกตัวหนึ่งนั่นเอง อาการอยากหนีอาการไม่สู้กับความจริง ไม่ใช่วิสัยของปราชญ์ รู้และเข้าใจดี แต่ตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ฝึกจิตใจมาพอสมควรแต่ตอนนี้นั่งอยู่อยากจะร้องให้จริง ๆ เลย อาการหนักอึ้งไปหมด ทั้งร้อนรน ทั้งเศร้าหมอง ทั้งสับสน จิตใจเป็นอืด ๆ ไม่คล่องแคล่วว่องไว เหมือนคนเดินทางไกลกำลังปีนภูเขาแล้วหมดแรง ตอนนี้ไม่มีกำลังก้าวไปไหนแล้วจริง ๆ ช่วงนี้คงต้องเลิกสอนคนอื่นไปก่อนเพราะตัวเองไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว คงต้องเลิกกันที เพราะพอสอนคนอื่นเหมือนกับพยายามไปลากเข็นคนอื่น หนักทั้งตัวเอง หนักทั้งคนถูกลาก

เพิ่มเติมภายหลัง: จิตใจมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เดี๋ยวมันก็ขึ้น เดี๋ยวมันก็ลง แล้วแต่มันจะเป็นไป ณ วันที่มาบันทึกเพิ่มเติมนี้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เหลือแล้ว มันหายไปไหน เป็นความสดใสเหมือนเดิมแล้ว แท้ที่จริงแล้วมันเกิดแล้วมันก็ดับ ขนาดจิตใจของเราที่ได้ฝึกมาพอสมควรยังโดนเล่นงานได้ขนาดนี้ คนที่ไม่มีธรรมะอยู่ประจำใจ ไม่ได้ฝึกเจริญสติ คงหนักหนาเอาการ แล้วก็โดนซ้ำซากไม่รู้จักเบื่อ ไม่รู้จักจำ เพราะไม่เคยดู แต่สำหรับเราคนที่มีสติ ตามรู้ จิตใจอยู่เนือง ๆ จึงทำให้พอจะเข้าใจธรรมชาติของมัน แล้วพอมันเห็นบ่อย ๆ มันก็เข็ดไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเอง ถลำลงไปเกลือกกลั้วกับอารมณ์สกปรก อย่างเช่น ราคะ โทษะ โมหะ ความเศร้าหมอง หดหู่เป็นต้น

Tuesday, November 02, 2004

วันที่ 51 ไม่ก้าวหน้า

สองสามวันที่ผ่านมารู้สึกว่าจิตใจไม่ก้าวหน้ามากนัก เผลอ ๆ อาจจะถอยหลังเสียด้วยซ้ำ