Monday, May 23, 2005

วันที่ ๒๕๓ วัดป่าภูผาสูง

วัดป่าภูผาสูงเป็นวัดที่เคยมาหลายครั้งแล้ว ตอนที่บวชก็ได้มาพักที่นี่ระยะหนึ่ง ที่วัดนี้ถือว่าสถานที่เป็นสัปปายะ เหมาะแก่การภาวนา ได้รู้จักกับท่านอาจารย์มหาธีรนาถ ก็เลยได้ช่วยงานท่านตามโอกาสอันควร และก็ได้ไปที่วัดป่าบ่อย ๆ ท่านอาจารย์มีผลงานทางด้านธรรมะ ที่มีคุณภาพค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสารคดี เทศน์ และงานหนังสือต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ มหาบุรุษ ประวัติหลวงปู่เจี๊ยะ ประวัติหลวงปู่สุวัจน์ พระอานนท์พุทธอนุชา อิสิทาสีภิกษุณี สภาภิกษุณี ฯลฯ

วันนี้เป็นวันวิสาขบูชาก็เลยขึ้นมาช่วยงานท่านอาจารย์ตามสมควรไม่ได้คุยกับท่านนานนักเพราะญาติโยมมาเยอะ โดยปกติจะนั่งคุยกับท่าน นาน ๆ และก็คุยกับท่านเรื่องทำ www.pupasoong.com ให้ท่านนิดหน่อย หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปสระบุรี เพื่อไปงานขึ้นบ้านใหม่ของน้า แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมพุทธเป็นอย่างยิ่งคือ งานขึ้นบ้านใหม่ครั้งนี้จัดใหญ่โตมีการกินเหล้าเมามาย เห็นสภาพแล้วไม่น่าดู ถ้าคิดว่าเป็นฤกษ์ดีในการขึ้นบ้านใหม่เป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันพระใหญ่ ใหญ่ที่สุดในบรรดาวันพระใหญ่ทั้งหมดเลยด้วย แล้วตอนเย็นมาจัดงานเลี้ยงเหล้าเมามายแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำ ผมไม่ขอพูดเรื่องเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคลก็แล้วกัน เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ถือมงคลตื่นข่าว ประเภทฤกษ์ยาม ท่านให้ถือมงคลตื่นตัว มีสติ ทำดีตอนไหนก็ดีตอนนั้น ทำดีที่ไหนก็ดีที่นั่น แต่สิ่งที่ควรตระหนักให้มากคือ วันนี้เป็นวันที่ชาวพุทธพร้อมใจกันรำลึกถึงพระพุทธเจ้า รำลึกถึงคุณของท่านที่ท่านได้มอบศาสนาที่ดีมีค่าแก่เรา แต่การมาจัดงานแบบนี้ไม่เพียงเป็นการไม่ฟังคำสอนของพระองค์ มิหนำซ้ำยังเป็นการแสดงความไม่เคารพในพระพุทธเจ้าอีกด้วย ถ้าจะจัดจริง ๆ อย่างน้อยที่สุดก็หลีกเลี่ยงไปจัดวันอื่น ไม่ใช่วันวิสาขบูชา มองเห็นคนเมา เต้นหน้าเวที เกี้ยวพาราสีนักร้อง หางเครื่อง แล้วสังเวชใจ เกิดความสลดหดหู่ใจ นี่หรือคนที่นับถือศาสนาพุทธ ขออย่าได้มีคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างอีกเลย

Monday, May 02, 2005

วันที่ ๒๓๒ หลวงปู่ทา จารุธัมโม

ชวนเพื่อน ๆ ไปวัดถ้ำซ้ำมืด ของหลวงปู่ทา จารุธัมโม พอเดินเข้าไปในวัดและดูรอบ ๆ ก็พอจะเดาได้ว่าท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งในประเทศไทย เพราะที่วัดจะเขียนป้ายไว้ชัดเจนว่า ไม่มีเครื่องราง ของขลัง พระเครื่อง พระเหรียญ อะไรทั้งสิ้น นี่แหละแนวทางของพระแท้ ของพระพุทธเจ้า เข้าใจว่าทางวัดประกาศไว้ป้องกันคนแอบอ้างกลัวว่าญาติโยมจะโดนหลอก ส่วนตัววัดเองก็สะอาดร่มรื่น อยู่ในป่าในเขาลึกมาก ทางเข้าก็ลำบาก แต่ญาติโยมไม่รู้มาจากไหนเต็มไปหมด เราขับรถเข้าไปยังรู้สึกว่ามันลำบาก แต่คนก็มากันไม่หยุด

พอเดินไปที่กุฏิท่าน สิ่งที่ประทับใจมาก ๆ ก็คือ องค์ท่านนั้นถึงแม้อายุจะมากขนาดนี้ แต่สติสัมปชัญญะ นั้นดูท่านปกติดีมาก และหน้าท่านจะผ่องใสมาก ในความรู้สึกเราผ่องเหมือนที่ เคยเห็นหลวงปู่ศรี มหาวีโร กับอาจารย์ปราโมทย์ เหมือนครั้งสมัยพุทธกาล ที่ท่านสารีบุตรได้เจอกับ พระอัสสชิ ครั้งแรก และได้กล่าวคำพูดกับพระอัสสชิว่า "อินทรีย์ของท่านผ่องใส ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวช เฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน" ผู้ที่ปฏิบัติได้ดีส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นอย่างนี้ กินน้อย นอนน้อย งดเว้นกามราคะ จิตใจผ่องใส ทำให้กายของท่านผ่องใสไปด้วย นั่งดูท่านแล้วจิตเย็น ๆ ก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นในใจของเรา

ตอนสาย ๆ ได้มีโอกาสเข้าไปขอคำแนะนำการภาวนากับท่าน ท่านก็แนะนำให้ มีสติ สัมปชัญญะ กำหนดดูจิตใจไว้ ท่านจะสอนง่าย ๆ แค่นี้ คนธรรมดาอาจจะฟังว่าธรรมดา แต่สำหรับเราทราบแล้วว่านี่แหละคือทางสายเอก มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดเรื่องใจ ขอเก็บไว้ก่อนไม่อธิบายเพราะไม่มีประโยชน์มากนัก เพราะมันอยู่ในชั้นของความคิด ไม่ใช่ความจริง หรือสภาวะจริง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะตัวที่สงสัย ตัวที่ไม่เข้าใจ มันเป็นสมอง ไม่ใช่จิต